วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2554

รัตนตรัยในใจชน

















รัตนตรัย สว่างแล้วแพรวดารา
พระพุทธานุภาพประจักรยิ่ง
พระธรรมแสนสุดล้ำประเสริฐจริง
พระสงฆ์ยิ่งแห่งบุตรพุทธะ ดล


ให้ความกรุณายิ่งปรากฏ
ผู้นำลดกิเลสร้ายอบายสิ้น
ช่วยผู้ยากรับทุกเข็ญได้ยลยิน
เกิดพรหมมินทร์สถิตย์ล้ำนำจิตใจ


ความถูกต้องให้ได้มีและประจักษ์
ให้ความรัก  รักษาใจผู้มุ่งหมาย
ปราญช์ใจพุทธอย่าได้หมด ให้เทอดไท
เภทโพยภัยได้สลาย ...บังเกิดธรรม










.เพียงแสงหนึ่ง.











.

จักรธรรม
















สว่างยิ่งบารมีองค์จักรีกำจรเดช
เทพไทแห่งเทเวศดำรงค์เดชผู้ครองธรรม


มหากษัตราทิพยา  พุทธเทพา ประเสริฐล้ำ
เกริกก้องจักกฤษนำ ผดุงธรรมความเสรี


ปกป้องมวลประชา แสงทิพย์ทาสง่าศรี
กราบก้มพระภูมีให้ไพรีพ้นอันตราย


เอกบุรุษผู้แรงกล้าจิตธรรมาผู้ติดตาม
รากแก้วแห่งพระธรรมสว่างล้ำนำกมล


บารมีพระพุทธะเป็นสรณะประสิทธิล้น
นำประชาและมวลชนให้หลุดพ้นชนใจพาล





..เพียงแสงหนึ่ง..

วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ประเสริฐล้ำ





ธรรมชาติสรรค์สร้าง...ประเสริฐล้ำ
ตัวเราดีร้าย...อันใดหนา...
ผลแห่งเหตุของมันจะตามมา
ในไม่ช้าคงปรากฏ ปลดเปลื้องจริง


















เกินอันใดที่ไม่น่าจะบังเกิด
ผู้ประเสริฐจะประกาศข้อสงสัย
เหตุแห่งทุกข์และดับทุกข์ไทสบาย
เพื่อนทั้งหลายได้คลายอาลัยลง


ความเปลี่ยนแปลงอันใดไม่คงที่
ส่งความดีครอบคุมจิตทั้งหลาย
ภัยพิบัติคณานับคงมลาย
ชนทั้งหลายสุขใจกายไม่หม่นมัว




-เพียงแสงหนึ่ง-



เสียงก้อง



มืดลึกแสนสนิทเมามัว
เสียงระรัวหัวใจแทบหยุดเต้น
ก้องอยู่ในรูหูสู่..กรรมเวร...
เลือดไหลลาดสาดกระเซ็นเร้นจิตกลัว
เหมือนแก้วหูวืบดับจับดวงจิต
อื้ออึงหมอกทฤทธิ์ดลใจจ้อง
ควันขุ่นครึ้มแผดเสียงฟ้าคะนอง
ขนแขนพองสยองเกล้าเผาดวงใจ






--***------***--






.



วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กิเลส































รัก ---------- สร้างความหวังพลังจิต
โลภ-------------  นำชีวิตวุ่นวายทั่ว
โกรธ --------- กริ้วชิวหาพาหม่นมัว
หลง  ------------วกวนมัว ตัว เกิด มี












------------เพียงแสงหนึ่ง-










.

วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เวลา (timeline)

ร้อย ความรักถักทอเกิดก่อจิต
พัน  มวลมิตรมวลประชาสง่าศรี
หมื่น  ความเมตตาแสนปราณี
แสน  ทุกข์นำเกิดมีสุขสำราญ
ล้าน  คำบรรยายให้หนักจิต
โกฏิ  เกิดดับแห่งทุกข์ร่วมสุขศานต์
กัปป์  ห้วงแห่งความเป็นอนันตกาล
กัลป์ ด่ำดิ่งห้วงนฤพานศานติธรรม




-เพียงแสงหนึ่ง-



ศาสนาพราหมณ์กำหนดยุคของโลกไว้ ๔ ยุค
แต่ละยุคมีเวลาซึ่งเรียกว่า สนธยา และ สนธยางศะ
ยุคทั้ง ๔ มีดังนี้ค่ะ

๑)กฤตยุค ๔,๐๐๐ ปีสวรรค์
สนธยา ๔๐๐ ปีสวรรค์
สนธยางศ์ ๔๐๐ ปีสวรรค์
รวม ๔,๘๐๐ ปีสวรรค์

๒)ไตรดายุค ๓,๐๐๐ ปีสวรรค์
สนธยา ๓๐๐ ปีสวรรค์
สนธยางศ์ ๓๐๐ ปีสวรรค์
รวม ๓,๖๐๐ ปีสวรรค์

๓)ทวาปรยุค ๒,๐๐๐ ปีสวรรค์
สนธยา ๒๐๐ ปีสวรรค์
สนธยางศ์ ๒๐๐ ปีสวรรค์
รวม ๒,๔๐๐ ปีสวรรค์

๔)กลียุค ๑,๐๐๐ ปีสวรรค์
สนธยา ๑๐๐ ปีสวรรค์
สนธยางศ์ ๑๐๐ ปีสวรรค์
รวม ๑,๒๐๐ ปีสวรรค์

เมื่อคิดเป็นปีมนุษย์ ๑ ปีมนุษย์เท่ากับ ๑ วันสวรรค์ นับทางจันทรคติ ๑ ปีมี ๓๖๐ วัน ดังนั้น

กฤตยุค มี ๔,๘๐๐ ปีสวรรค์ เท่ากับ ๑,๗๒๘,๐๐๐ ปีมนุษย์
ไตรดายุค มี ๓,๖๐๐ ปีสวรรค์ เท่ากับ ๑,๒๙๖,๐๐๐ ปีมนุษย์
ทวาปรยุค มี ๒,๔๐๐ ปีสวรรค์ เท่ากับ ๘๖๔,๐๐๐ ปีมนุษย์
กลียุค มี ๑,๒๐๐ ปีสวรรค์ เท่ากับ ๔๓๒,๐๐๐ ปีมนุษย์

สี่ยุครวมกันได้ ๑๒,๐๐๐ ปีสวรรค์ หรือ ๔,๓๒๐,๐๐๐ ปีมนุษย์ เรียกว่า ๑ มหายุค

๑,๐๐๐ มหายุค เท่ากับ ๑ วัน ๑ คืน ของพระพรหม ซึ่งพราหมณ์เรียกว่า ๑ กัลป์ หรือ ๑ กัป

ส่วนไตรภูมิพระร่วงบอกว่าให้นับจาก ๑ มหากัปคือระยะเวลาระหว่างที่โลกธาตุหรือสกลจักรวาลเกิดและแตกดับไปคราวหนึ่งๆ ๑มหากัปนี่แบ่งเป็น ๔ อสงไขย

อลงไขยที่ ๑ คือระยะเวลาที่โลกถึงแก่ประลัยเพราะไฟน้ำลมมาล้างให้หมดสิ้น

อสงไขยที่ ๒ คือระยะเวลาที่โลกธาตุทั้งหลายพินาศแล้ว ยังมีแต่ความว่างเปล่าอยู่

อสงไขยที่ ๓ เป็นระยะเวลาที่โลกธาตุเกิดใหม่

อสงไขยที่ ๔ คือระยะเวลาที่โลกธาตุมีขึ้นจนกว่าจะถึงกาลประลัยอีก

เวลาของ๑ มหากัป โบราณท่านอุปมาไว้ว่า ภูเขาลูกหนึ่งสูงได้โยชน์หนึ่งวัดโดยรอบได้ ๓ โยชน์ถึงร้อยปีเอาผ้าทิพย์อ่อนบางดังคววันมากวาดภูเขานั้นแต่ละคาบเมื่อใดภูเขานั้นราบดังแผ่นดินจึงเรียกว่า ๑ มหากัป

ในไตรภูมิพระร่วงยังแบ่งมหากัปออกเป็น สุญกัป คือกัปว่างที่ไม่มีพระพุทธเจ้ามาตรัส และพุทธกัป คือกัปที่มีพระพุทธเจ้ามาตรัส พุทธกัปมีดังนี้ค่ะ

๑) สารกัป มีพระพุทธเจ้ามาตรัส ๑ องค์ คือพระพุทธโกณฑัญญะ

๒)มัณฑกัป มีพระพุทธเจ้ามาตรัส ๒ องค์ คือพระติสสะสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระพุทธปุสสะ

๓)วรกัป มีพระพุทธเจ้ามาตรัส ๓ องค์ คือ พระพุทธอโมทัสสี พระธรรมทัสสี และพระปิยทัสสี

๔)สารมณฑกัป มีพระพุทธเจ้ามาตรัส ๔ องค์ คือพระตัณหังกร พระเมธังกร พระสรณังกร และพระทีปังกร

๕)ภัทรกัป มีพระพุทธเจ้ามาตรัส ๕ องค์ คือ พระกกุสันโธ พระโกนาคมน์พระกัสสปะ พระสมณโคดม (ปัจจุบันนี้) และจะมาตรัสภายหน้าคือพระศรีอาริยเมตไตรค่ะ

ตำราเค้าบอกว่า เฉพาะภัทรกัปนี้มีเวลานานถึง๒๓๖ ล้านปี ตอนนี้น่าจะผ่านมาแล้ว ๑๖๙ ล้านปี ยุคของพระสมณโคดมของเรานี่ทางคัมภีร์ว่ามีระยะเวลาเพียง ๕,๐๐๐ ปี ก็เหลืออีกไม่ถึง ๒,๕๐๐ปีจะสิ้นยุคของพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๔ ที่เหลือก็ยุคของพระศรีอาริย์น่ะค่ะ

กลียุคของศาสนาพราหมณ์เริ่มเมื่อ ๒,๕๖๐ ปีก่อนพุทธกาล ปัจจุบันนี้พ.ศ.๒๕๕๐เท่ากับกลียุคได้ล่วงไปแล้ว ๕,๑๑๐ ปี กลียุคทั้งหมดมีเวลา ๔๓๒,๐๐๐ ปีล่วงไปแล้ว ๕,๑๑๐ ปี ก็เหลืออีก ๔๒๖,๘๙๐ ปีจึงจะถึงวันสิ้นโลกตามทฤษฎีทางศาสนาพราหมณ์ค่ะ

จากคุณ :หนอนดาวเรืองreferrelative="t" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" filled="f" stroked="f"> ath o:extrusionok="f" gradientshapeok="t" o:connecttype="rect"/> <!--[if !vml]-->[IMG]file:///C:/DOCUME%7E1/Factory1/LOCALS%7E1/Temp/msohtml1/01/clip_image001.gif[/IMG]<!--[endif]-->- [ 13 ต.ค. 50 01:03:25 ]>>
จากคุณ ชายเสรี          
http://board.palungjit.com/f14/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9B%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%9B%E0%B9%8C-96207.html

วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ประชาชนสมหวัง














หยาดน้ำตากี่หยดไหลหลั่งริน
สร้างแผ่นดินสืบมาในทุกข์ยาก
สร้างมั่นคงดำรงค์ด้วยลำบาก
สร้างให้งามและะสร้างซากตลอดมา


ขอแสงทองทาฟ้าทั่วสยาม
ให้ความงามของน้ำใจได้เกิดหนา
ให้ความยุติธรรมแห่งธรรมมา
ช่วยเปิดฟ้าสว่างใจไปนิรันดร์




----------เพียงแสงหนึ่ง------------